การเกลารากฟัน คือการใช้เครื่องมือปริทันต์ เกลากำจัดหินปูนที่อยู่ใต้เหงือก ส่วนใหญ่จะลึกมากกว่า 3 มิลลิเมตรขึ้นไป ซึ่งมักจะทำให้เกิดความเจ็บปวดกับผู้ป่วย จึงจำเป็นต้องทำร่วมกับการฉีดยาชา เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยเจ็บ และทันตแพทย์สามารถกำจัดหินปูน รวมทั้งเนื้อเยื่ออักเสบที่อยู่ลึกๆได้หมดโดยไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้ผู้ป่วยเจ็บ
ดังนั้น การรักษาโดยการเกลารากฟันนี้ส่วนใหญ่ใช้เวลา เพราะเป็นงานละเอียดและยากที่จะทำการกำจัดหินปูนที่อยู่ลึกให้ครบทุกด้านได้ในครั้งเดียว ทันตแพทย์จึงต้องนัดมาเกลารากฟันหลายครั้ง
วันนี้คุณหมอจะพาคนไข้ทุกคน มารู้จักเกี่ยวกับเรื่องของการเกลารากฟันกันคะ
เลือกหัวข้ออ่านเกี่ยวกับการเกลารากฟัน
เกลารากฟัน คืออะไร
เกลารากฟัน (Root Planing) คือ การกำจัดหินปูนและจุลินทรีย์ ที่สะสมที่ลึกลงไปที่ผิวรากฟันด้านล่าง และเนื้อเยื่ออักเสบที่อยู่ใต้เหงือกลึกๆ ส่วนใหญ่จะต้องเริ่มต้นขูดหินปูนด้านบน ๆ ให้หมดก่อน โดยใช้เครื่องขูดหินปูน (sonic หรือ ultrasonic scaler) ในการกำจัดหินปูน หลังจากนั้นก็จะใช้เครื่องมือปริทันต์โดยเฉพาะ เช่น คิวเรตต์ (Curette) ที่มีขนาดและรูปร่างต่างๆกัน และ ซิกเกล (Sickle) เพื่อใช้ในการขูดหินปูนที่หลงเหลือออกและเกลารากฟันใต้เหงือก การเกลารากฟันโดยส่วนใหญ่ต้องทำร่วมกับการฉีดยาชาด้วย เพราะเจ็บมาก
การเกลารากฟัน นอกจากจะรักษาการอักเสบของเหงือกแล้ว ยังช่วยรักษาอวัยวะปริทันต์อื่นๆ ด้วย เช่น เคลือบรากฟัน (Cementum) เอ็นยึดปริทันต์ (Periodontal Ligament) และ กระดูกเบ้าฟัน (Socket)
เกลารากฟันทั้งปาก หรือ แค่บางซี่ รู้ได้อย่างไร
การเลือกเกลารากฟันทั้งปาก หรือ เกลารากฟันบางซี่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาสุขภาพฟันของทันตแพทย์ ผู้รักษา หากประเมินแล้วมีปัญหาของโรคปริทันต์หลายซี่ และ รุนแรง (โดยการ X-ray และ ตรวจร่องลึกปริทันต์) ก็มีจำนวนฟันที่ต้องเกลารากฟันหลายซี่ แต่สามารถทยอยทำได้ ไม่จำเป็นต้องเกลารากฟันทั้งปากในครั้งเดียว
เกลารากฟัน ช่วยอะไรได้บ้าง
การเกลารากฟันนั้นจะใช้รักษาในผู้ป่วยที่เป็นโรคปริทันต์อักเสบ (คือมีการทำลายอวัยวะปริทันต์ ไม่ใช่เฉพาะที่เหงือกแต่ลุกลามไปถึงกระดูกเบ้าฟัน) สามารถสังเกตได้คือ เหงือกมีการอักเสบ ร่วมกับการมีเหงือกร่น หรือมีฟันโยก หรือบางครั้งอาจมีฝีปริทันต์ร่วมด้วย เช่น มีหนอง
ประโยชน์ของการเกลารากฟันสามารถช่วยได้ดังนี้
- ลดปัญหากลิ่นปาก เนื่องจากลดเชื้อแบคทีเรียในช่องปากจำนวนมาก และลดเหงือกบวมอักเสบ
- เหงือกกลับมาแข็งแรงมากขึ้นเมื่อเกลารากฟันไปแล้ว เพราะจะทำให้ผิวรากฟันเรียบ ไม่มีทั้งคราบหินปูนและคราบเชื้อโรคที่เกาะบนรากฟัน
- คนไข้สามารถทำความสะอาดได้ง่ายมากขึ้น เป็นการช่วยป้องกันการกลับมาของโรคปริทันต์ได้
- ฟันจะแข็งแรงขึ้น ไม่โยก ทำให้สามารถกลับมาเคี้ยวอาหารได้และมีสุขภาพช่องปากที่ดีเหมือนเดิม
เกลารากฟันกับขูดหินปูน ต่างกันอย่างไร
การขูดหินปูน คือการกำจัดหินปูนที่สะสมเหนือเหงือกและใต้เหงือกลงไปเล็กน้อย ส่วนการเกลารากฟันนั้นจะเป็นการกำจัดหินปูน สิ่งสะสมบนผิวรากฟันและเนื้อเยื่ออักเสบที่อยู่ใต้เหงือกลึกๆ
สำหรับการขูดหินปูนนั้นส่วนใหญ่จะใช้เครื่องขูดหินปูน (sonic หรือ ultrasonic scaler) ในการกำจัดหินปูน เครื่องนี้จะมีเสียงดังและมีน้ำเยอะขณะขูด โดยทันตแพทย์จะขูดหินปูนเหนือเหงือกและอาจร่วมกับการใช้เครื่องมือปริทันต์ เช่น คิวเรตต์ และ ซิกเกล ขูดหินปูนที่ยังหลงเหลือที่เครื่องขูดหินปูนเข้าไม่ถึง เช่น บริเวณซอกฟัน หรือใต้เหงือกเล็กน้อย
การขูดหินปูนนั้นปกติจะไม่ต้องฉีดยาชา เพราะไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยเจ็บมาก แต่อาจจะรู้สึกเสียวฟันและเจ็บเล็กน้อยที่เหงือกซึ่งผู้ป่วยมักจะทนได้
การขูดหินปูนเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีสภาวะเหงือกอักเสบ ซึ่งการอักเสบนั้นเกิดบริเวณเหงือกอย่างเดียว ยังไม่ทำอันตรายต่อ อวัยวะปริทันต์อื่นๆ ได้แก่ เคลือบรากฟัน เอ็นยึดปริทันต์และ กระดูกเบ้าฟัน เวลาที่ใช้ในการขูดไม่นาน สามารถขูดหินปูนทั้งปากได้เสร็จในครั้งเดียว
โดยทั่วไป การเกลารากฟันมักจะต้องรักษามากกว่าหนึ่งครั้ง ไม่สามารถทำให้เสร็จภายในครั้งเดียว พร้อมทั้งต้องคอยตรวจสอบด้วยว่า คนไข้สามารถดูแลทำความสะอาดได้อย่างถูกต้องหรือไม่
ดังนั้น การเกลารากฟัน จึงมักมีราคาที่สูงกว่าการขูดหินปูนปกติ เนื่องจากเป็นการรักษาที่ใช้เวลามากกว่า และอาจต้องฉีดยาชาร่วมด้วย ผู้ที่เป็นโรคเหงือกอักเสบรุนแรง มักต้องเข้าพบทันตแพทย์บ่อยครั้งกว่าคนทั่วไป เพื่อดูแลและตรวจเช็คอาการของโรคอย่างสม่ำเสมอ
ขั้นตอนการเกลารากฟัน
- การตรวจวัดร่องปริทันต์ และ เอ็กซ์เรย์ (X-ray) ฟัน เพื่อทำการประเมินวินิจฉัย เพราะการรักษาโรคปริทันต์จะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของการเกิดโรค
- ขูดหินปูน (Scaling) ก่อนทำการเกลารากฟัน เพื่อกำจัดหินปูนและคราบจุลินทรีย์ที่เกาะอยู่บนตัวฟันและบริเวณขอบเหงือกออก
- เกลารากฟัน (Root Planing) เป็นการทำผิวรากฟันให้สะอาดและเรียบ เพื่อกำจัดหินปูนและคราบจุลินทรีย์ที่เกาะลึกลงไปในผิวรากฟันเป็นการขูดหินปูนที่อยู่ลึกลงไปใต้เหงือกมากๆ มักต้องฉีดยาชาและขูดที่ละส่วนหรือที่ละครึ่งปาก การรักษาโดยการเกลารากฟันนี้ส่วนใหญ่ใช้เวลานาน เพราะเป็นงานละเอียดและยากที่จะกำจัดหินปูนที่อยู่ลึกให้หมดได้ในครั้งเดียว
- ในกรณีที่เป็นโรคปริทัต์ชนิดรุนแรง ต้องใช้การผ่าตัดเปิดเหงือก (ศัลย์ปริทันต์ : Periodontal Surgery) เพื่อทำการรักษาการผ่าตัดเปิดเหงือก ทันตแพทย์จะพิจารณาวางแผนการรักษา ซึ่งจะมีหลายชนิดและหลายลักษณะงาน เช่น การตัดเหงือก, การกรอแต่งกระดูก การร่นเหงือก หรือ ผ่าตัดเพื่อขูดหินปูนบนผิวรากฟันที่ลึกมากๆ ขึ้นอยู่กับระดับการลุกลามของโรค
- หลังจากเสร็จสิ้นการเกลารากฟันแต่ละครั้ง ต้องนัดพบทันตแพทย์ประจำทุก 3-6 เดือน (follow up and recall) หลังจากรักษาเสร็จแล้ว เพื่อตรวจสอบว่าสุขภาพเหงือกดีขึ้นหรือไม่ และจะตรวจสภาพร่องลึกปริทันต์ด้วย ส่วนใหญ่เนื้อเยื่อเหงือกที่เคยบวมแดงนั้นจะกลับมาแข็งแรงและอีกครั้ง อาการเลือดออกลดลงหรือหายไป ส่วนร่องลึกปริทันต์นั้นก็จะมีขนาดเล็กลงด้วย หลังจากนี้ ถ้าคุณดูแลใส่ใจฟันอย่างดี คุณก็อาจไม่ต้องทำการรักษาแค่ขูดหินปูนเท่านั้น
การดูแลรักษาหลังเกลารากฟัน
- หลังจากเกลารากฟันเสร็จอาจจะมีอาการเสียวฟันได้ ดังนั้นก่อนและหลังจากเกลารากฟันคนไข้ควรใช้ยาสีฟันที่ช่วยลดอาการเสียวฟันเพื่อบรรเทาอาการดังกล่าว ซึ่งปกติแล้วอาการจะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์
- หลังการเกลารากฟันอาจมีเลือดซึมๆ ออกมาที่ขอบเหงือกและมีอาการบวม ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้
- ทันตแพทย์จะนัดมาตรวจและเกลารากฟันอีกครั้ง คนไข้ต้องมาตามนัด
- รักษาความสะอาดช่องปากอยู่เสมอ ด้วยการแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ใช้ไหมขัดฟันและน้ำยาบ้วนปากอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เพื่อลดการเกิดหินปูนให้น้อยที่สุด
- สามารถทานอาหารได้ตามปกติ แต่แนะนำเน้นอาหารอ่อนๆ ไม่ร้อน ไม่รสจัด จะช่วยเพิ่มความสบายของเหงือกที่เกลารากฟันไป
- นัดพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากอย่างน้อยทุกๆ 6 เดือน เพราะหินปูนสามารถเกิดขึ้นได้แม้เราจะแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะตรงบริเวณซอกฟันที่เราแปรงเข้าไปไม่ถึง
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังเกลารากฟัน
- เสียวฟัน อาการเสียวฟันหลังเกลารากฟัน อาจจะพบได้ และจะหายไปเองภายในหนึ่งสัปดาห์ ถ้ามีอาการเสียวฟันมาก อาจใช้ยาสีฟันลดการเสียวฟัน ช่วยได้ และพยายามเลี่ยงยาสีฟันกลุ่ม whitening ในช่วงนี้ เนื่องจากจะทำให้อาการเสียวฟันเพิ่มมากขึ้น
- ฟันโยก ในคนไข้ที่เป็นโรคปริทันต์ หลังเกลารากฟันใหม่ๆจะรู้สึกว่าฟันโยกมากขึ้น แต่หลังจากนั้นฟันจะค่อยๆแน่นขึ้นในวันต่อๆไป
- รู้สึกว่ามีช่องระหว่างฟัน ในคนไข้ที่เหงือกร่น เมื่อทำการขูดหินปูนที่สะสมระหว่างฟันออกไป คนไข้อาจจะรู้สึกว่ามีช่องระหว่างซี่ฟันได้ เพราะมีเหงือกร่นเดิมอยู่แล้ว
- ในคนไข้ที่เกลารากฟันจากโรคปริทันต์อักเสบ อาจจะมีเลือดซึมในวันแรก ให้กัดผ้าก๊อซและบ้วนน้ำเกลือ
เกลารากฟันที่ไหนดี
- เลือกคลินิกทันตกรรมที่ได้มาตรฐาน แจ้งราคาค่าใช้จ่าย ในการรักษาชัดเจน และสามารถตรวจสอบได้ว่าคลินิกทันตกรรมนั้น มีการขึ้นทะเบียนกระทรวงอย่างถูกต้อง มีเลขที่ใบอนุญาตประกอบกิจการ 11 หลัก
- เลือกทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เป็นทันตแพทย์เฉพาะทางในสาขานั้น ๆ มีประสบการณ์ในการรักษาสูง มีใบรับรองต่าง ๆ ที่ให้การรับรองทันตแพทย์คนนั้น ในการรักษา
- เลือกคลินิกทันตกรรมที่มีรีวิวของคนไข้ในการเกลารากฟัน โดยในปัจจุบันอาจจะเลือกดูในรีวิวบน Facebook ใน pantip บน Google ที่มีคนไข้ ที่มาเข้ารับการรักษามาคอมเม้นต์เกี่ยวกับคลินิกทันตกรรมนั้น
- เลือกสถานที่ ที่สามารถเดินทางได้สะดวก ใกล้บ้าน ใกล้ที่ทำงาน มีการคมนาคมสะดวก เพื่อให้สามารถเดินทางเข้ารับการรักษาได้อย่างรวดเร็ว เพราะการรักษาอย่างการเกลารากฟัน ก็อาจจะต้องมาพบทันตแพทย์มากกว่า 1 ครั้ง
การดูแลรักษาเหงือก
การดูแลความสะอาดของช่องปากและฟันที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ การทำความสะอาดโดยผู้เชี่ยวชาญก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันเมื่อมีการสะสมตัวของคราบแบคทีเรียที่มากและแข็งจนกลายเป็นหินปูน ซึ่งทันตแพทย์เท่านั้นที่จะขจัดออกได้ แต่เราสามารถป้องกันโรคเหงือกอักเสบด้วยตัวเองได้โดย
- การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธีเพื่อขจัดคราบแบคทีเรียไม่ให้สะสม
- การรับประทานอาหารที่ถูกโภชนาการสำหรับฟันและกระดูก
- การหลีกเลี่ยงบุหรี่ และยาสูบ
- การพบทันตแพทย์เป็นประจำ
การป้องกันไม่ให้เกิดโรคปริทันต์
- ควรแปรงฟันและทำความสะอาดซอกฟันอย่างถูกวิธีเพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์ ให้ได้อย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้งด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์
- เปลี่ยนแปรงสีฟันเมื่อพบว่าขนแปรงบานหรือเสียหายแล้ว
- ขัดฟันด้วยไหมขัดฟันระหว่างซอกฟัน สะพานฟัน ครอบฟัน หรือรากฟันเทียมเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละครั้ง
- ใช้น้ำยาบ้วนปากเพื่อช่วยลดการเกิดคราบแบคทีเรีย
- งดสูบบุหรี่
คำถามที่พบบ่อย
เกลารากฟันเจ็บไหม
สามารถควบคุมได้โดยใช้ยาชาในขณะทำการรักษา ส่วนหลังทำการรักษาอาจทานยาแก้ปวดร่วมด้วยหากมีอาการตึงๆบริเวณเหงือก แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับสุขภาพช่องปากของคนไข้แต่ละคนร่วมด้วย
ระยะเวลาพักฟื้นหลังเกลารากฟัน
- หลังจากเกลารากฟันเสร็จอาจจะมีอาการเสียวฟันได้ ดังนั้นก่อนและหลังจากเกลารากฟันคนไข้ควรใช้ยาสีฟันที่ช่วยลดอาการเสียวฟันเพื่อบรรเทาอาการดังกล่าว ซึ่งปกติแล้วอาการจะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์
- หลังการเกลารากฟันอาจมีเลือดซึมๆ ออกมาที่ขอบเหงือกและมีอาการบวม ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ สามารถอมน้ำเกลืออุ่นๆช่วยได้
- ต้องรักษาความสะอาดช่องปากอยู่เสมอ ด้วยการแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ใช้ไหมขัดฟันและน้ำยาบ้วนปากอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เพื่อลดการเกิดหินปูนให้น้อยที่สุด
- นัดพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากอย่างน้อยทุกๆ 6 เดือน เพราะหินปูนสามารถเกิดขึ้นได้แม้เราจะแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะตรงบริเวณซอกฟันที่เราแปรงเข้าไปไม่ถึง
เกลารากฟันฟันจะหายโยกไหม
หลังจาก เกลารากฟัน ไป 1 เดือนขึ้นไป ร่วมกับการทำความสะอาดได้ดี ฟันจะแน่นขึ้นมามากขึ้น โยกน้อยลง เพราะมีการสร้างเนื้อเยื่อรองรองรับฟันมากขึ้น
เกลารากฟันกินข้าวได้ไหม
สามารถทานอาหารได้ปกติค่ะ แต่เน้นอาหารอ่อนๆ ไม่ร้อน ไม่รสจัด จะช่วยเพิ่มความสบายของเหงือกที่เกลารากฟันไป
เกลารากฟันเลือดไหลไม่หยุด ทำอย่างไร
โดยปกติ ถ้าไม่ได้มีโรคเกี่ยวกับเลือดหยุดยาก หรือ ทานยาละลายลิ่มเลือด เลือดจะหยุดไหลเป็นปกติ แต่ถ้ายังมีเลือดซึมๆ สามารใช้ผ้าก็อส วางตรงตำแหน่งนั้น แล้วกัดเบาๆ 1-2 ชั่วโมง , อย่าพยายามบ้วนเลือดกับน้ำลายออกมา เพราะจะยิ่งซึมมากขึ้น
เกลารากฟันจัดฟันได้ไหม
ต้องเกลารากฟันก่อนเริ่มจัดฟัน เพราะถ้าฝืนจัดไปในฟันที่มีสภาพปริทันต์ไม่ดี จะส่งผลต่อฟันซี่นั้นอาจโดนแรงการเคลื่อนฟันจากการจัดฟัน ทำให้ต้องถอนได้ในอนาคต
เกลารากฟัน สามารถเบิกประกันสังคมได้ไหม
สามารถหักประกันสังคมได้โดยไม่ต้องสำรองจ่าย