ใครที่กำลังวางแผนจัดฟัน และกำลังหาข้อมูลเพื่อเตรียมตัวจัดฟัน หมอมีข้อมูลมาแนะนำ เพื่อเตรียมความพร้อมทั้ง ก่อนจัดฟัน ระหว่างจัดฟัน หลังจัดฟัน ว่าจะต้องดูแลอย่างไร มีอะไรบ้างที่ต้องระวัง หรือให้ความสำคัญเป็นพิเศษ สามารถศึกษาข้อมูลเหล่านี้ได้เลยครับ
ก่อนจัดฟัน
ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนจัดฟัน เป็นสิ่งที่ควรรู้เพื่อเตรียมความพร้อม ซึ่งคนไข้ที่เข้ามาปรึกษาเกี่ยวกับการจัดฟัน มักมาจากการตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ และพบปัญหาเกี่ยวกับฟันเก ฟันเอียง หรือฟันยื่นเหยิน ไม่สบกัน สร้างปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น อาการเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด ไม่สามารถกัดอาหารให้ขาดได้ พูดออกเสียงไม่ชัด ทันตแพทย์ที่ดูแลมักจะตรวจดูว่าความผิดปกติเหล่านี้สามารถแก้ไขด้วยการจัดฟันหรือไม่ ซึ่งหากวินิจฉัยแล้วว่าสามารถแก้ไขได้ ก็จะแนะนำให้คนไข้ทำการจัดฟันกับทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการจัดฟันโดยเฉพาะเพื่อแก้ไขครับ โดยเริ่มจาก
- พบทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด พร้อมให้ข้อมูลถึงวิธีการจัดฟันว่ามีกี่แบบ แต่ละแบบต่างกันอย่างไร เพื่อให้คนไข้นำไปพิจารณาเลือกวิธีการจัดฟันที่เหมาะกับตนเอง
- เมื่อคนไข้ตัดสินใจจัดฟัน ไม่ว่าจะวิธีการใดก็ตาม ทันตแพทย์จะตรวจสภาพฟัน ตรวจดูความแข็งแรงของรากฟัน ซึ่งถ้าไม่แข็งแรงก็ต้องรักษาก่อน และเคลียร์ช่องปาก หากมีฟันผุ เหงือกอักเสบ มีหินปูน ก็จะต้องอุดฟัน ถอนฟัน หรือผ่าฟันคุด ทำการรักษาอาการเหล่านี้เสียก่อน ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาระหว่างการจัดฟัน
- จากนั้นทันตแพทย์จะทำการพิมพ์ฟัน เอกซเรย์ และนำข้อมูลทั้งหมดไปใช้ในการวางแผนการรักษาในการจัดฟัน และทำนัดหมายทำการจัดฟันครับ
ระหว่างจัดฟัน
หลังเริ่มขั้นตอนการจัดฟัน จะต้องใช้ระยะเวลาในการจัดฟันประมาณ 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับความผิดปกติของฟันคนไข้แต่ละคนครับ ซึ่งการดูแลตนเองระหว่างจัดฟัน จะเน้นเรื่องการดูแลรักษาความสะอาดช่องปาก ตามคำแนะนำของทันตแพทย์จัดฟัน
- ควรแปรงฟันอย่างน้อย 3 ครั้ง หลังรับประทานอาหาร และใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี และทำอย่างสม่ำเสมอ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ทั้งข้อห้ามระหว่างที่จัดฟัน เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปตามแผนการรักษาในระยะเวลาที่ทันตแพทย์ได้วางแผนไว้
- อย่าผิดนัดทันตแพทย์ครับ ควรไปตามนัดหมายเพื่อการตรวจเช็กและติดตามความปรับเปลี่ยนของโครงสร้างฟัน หรือหากมีอะไรผิดปกติจะได้แก้ไขทันได้ทันที ซึ่งแต่ละเครื่องมือจัดฟันก็จะมีการนัดหมายที่แตกต่างกันออกไปโดยเฉลี่ยคือเดือนละครั้งครับ
คำถามที่พบบ่อยระหว่างจัดฟัน
1.หลังจัดฟันกินอะไรได้บ้าง
การจัดฟัน เป็นวิธีการเคลื่อนฟันให้ไปในจุดที่ต้องการ โดยเฉพาะคนที่จัดฟันโดยการใส่เครื่องมือในช่องปาก ทำให้มีข้อจำกัดในการรับประทานอาหากมากกว่าคนทั่วไปครับ โดยเฉพาะหลังจัดฟันวันแรก อาจมีอาการปวดประมาณ 6-8 ชั่วโมง อาการนี้จะเป็นอยู่ประมาณ 5-7 วัน ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารหนัก แนะนำอาหารอ่อน ๆ เคี้ยวง่าย ๆ เช่น ข้าวต้ม เต้าหู้ ครับ และในระหว่างจัดฟันหลีกเลี่ยงอาหารที่มีความแข็ง เหนียว เพราะจะทำให้เครื่องมือจัดฟันหลุด หรือเกิดการเสียหายได้ เช่น น้ำแข็ง ถั่ว ข้าวโพดคั่ว คาราเมล หมากฝรั่ง ลูกอม ผลไม้เนื้อแข็ง รวมถึงหลีกเลี่ยงอาหารที่ต้องกัด แทะ เช่น กระดูกหมู ซี่โครงไก่ ปลาหมึกย่าง รวมถึงการการใช้ฟันงัดกับของแข็ง ๆ ครับ
2.ระหว่างจัดฟัน อะไรบ้างที่ต้องระวัง
- หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรด เพราะน้ำตาลและกรดค้างอยู่ในเครื่องมือจัดฟัน ซึ่งสามารถทำลายกาวที่ยึด Bracket ได้
- อย่าลืมถอดยางก่อนรับประทานอาหาร สำหรับใครจัดฟันแบบยึดติด ใส่ยางรัดฟันที่เกี่ยวฟันกราม จะต้องถอดยางออกก่อนรับประทานอาหารครับ หากไม่ถอดออก นอกจากรับประทานอาหารได้ลำบากแล้วยังอาจเผลอกลืนยางลงไปได้ครับ
- ห้ามใช้ลิ้นดุนเครื่องมือจัดฟันเล่น หรือขยับลวดจัดฟันเอง ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลให้ผลการรักษาอาจเกิดการคลาดเคลื่อนได้ครับ
3.มีกลิ่นปากระหว่างจัดฟัน เกิดจากอะไร
การมีกลิ่นปากระหว่างจัดฟัน เกิดจากมีเศษอาหารที่สะสมตามฟันและเครื่องมือที่ยึดติด และทำความสะอาดออกไม่หมด จนเกิดมีแบคทีเรียเข้ามาย่อยเศษอาหารเหล่านั้น ทำให้เกิดกลิ่นปากครับ และอาจทำให้เกิดปัญหาฟันผุ ตามมาได้
แนะนำให้ใช้แปรงสีฟันสำหรับคนจัดฟัน เลือกใช้ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ ช่วยป้องกันฟันผุ และใช้ไหมขัดฟันสำหรับคนจัดฟันครับ
หลังจัดฟัน
- หลังจัดฟันเสร็จเรียบร้อยและถอดเครื่องมือจัดฟันแล้ว ทันตแพทย์จะให้ใส่รีเทนเนอร์ คนไข้จำเป็นจะต้องต้องใส่ต่อเนื่องไปตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อคงสภาพฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องสวยงามได้ตลอดไป อย่าลืมแปรงรีเทนเนอร์ด้วยยาสีฟันทุกวัน ๆ เหมือนกับการแปรงฟันด้วยครับ
- ในช่วงแรกหลังถอดเครื่องมือจัดฟัน ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเหนียว แข็ง เคี้ยวยาก เพราะฟันจะยังไม่แข็งแรง
- แปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหารโดยเลือกใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ และใช้ไหมขัดฟัน เพื่อลดการเกิดปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันในอนาคต
- ตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ ควรหมั่นไปพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เพื่อขูดหินปูน ตรวจฟัน รวมทั้งขอคำแนะนำในการดูแลสุขภาพในช่องปากครับ
โดยสรุป ก่อนจัดฟันควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจว่าจะเลือกจัดฟันที่ไหน และใช้วิธีการใด นอกจากนี้ในระหว่างจัดฟันควรให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดช่องปากและฟัน ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ และเมื่อจัดฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็อย่าละเลยการตรวจสุขภาพฟัน โดยพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือนนะครับ