ฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาว ระบบ Cool Light LED สร้างรอยยิ้มขาว ๆ ราคาโดนใจ

การมีฟันขาว นอกจากจะทำให้เรายิ้มได้อย่างมั่นใจ ช่วยเสริมบุคลิกภาพ ยังสร้างความประทับใจต่อผู้ที่พบเห็นได้อีกด้วย แต่ถ้าฟันของเราไม่ขาวสดใส มีสีเหลือง เทา หรือดำ และกำลังมองหาวิธีแก้ไขอยู่ หมอมีการฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาว ที่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้มาแนะนำครับ

ฟอกสีฟัน หรือ ฟอกฟันขาว เป็นการรักษาที่ช่วยให้ฟันที่มีสีคล้ำ สีเหลือง กลับมามีสีขาวขึ้นโดยใช้น้ำยาฟอกสีฟัน และกระตุ้นการแตกตัวของน้ำยาฟอกสีฟันด้วยแสง Cool Light LED หรือเลเซอร์ครับ

ซึ่งการที่ฟันจะเปลี่ยนสีได้ขาวขึ้นมากน้อยแค่ไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยภายนอก ได้แก่ บุหรี่ เครื่องดื่ม สีของอาหาร และปัจจัยภายใน ได้แก่ การสะสมของสารมีสีในเนื้อฟันในช่วงสร้างฟันหรือฟันตาย

กระบวนการฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาว เพื่อทำให้ฟันขาวขึ้นนั้น ทันตแพทย์จะใช้น้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูงป้ายลงบนฟัน จากนั้นจะฉายแสง Cool Light LED หรือเลเซอร์ เพื่อกระตุ้นให้น้ำยาฟอกสีฟันเกิดการแตกตัวออกเป็นออกซิเจน แทรกซึมผ่านชั้นผิวเคลือบฟัน เข้าไปขจัดเม็ดสีในเนื้อฟันโดยเฉพาะสีเหลือง ซึ่งก็จะทำให้ฟันขาวขึ้น โดยที่ไม่ทำร้ายชั้นผิวเคลือบฟันครับ

การฉายแสง Cool Light LED

น้ำยาฟอกสีฟัน Palaoffice จากออสเตรเลีย

การฟอกสีฟันหรือฟอกฟันขาว เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องสีฟัน เช่น ฟันมีสีดำ คล้ำ สีเหลือง เนื้อฟันไม่ขาวใส รวมถึงทุกที่ใส่ใจเรื่องของรอยยิ้มและบุคลิก ตามเช็คลิสต์ ดังนี้

1. ผู้ที่อยู่ในวัยทำงาน ประกอบอาชีพที่ต้องใช้รอยยิ้ม พูดคุย และติดต่อประสานงานกับผู้อื่น
2. ผู้ที่ชอบดื่มชา กาแฟ และแอลกอฮอล์เป็นประจำ
3. ผู้ที่มีพฤติกรรมสูบบุหรี่จัด
4. ผู้ที่มีเนื้อฟันสีเหลืองจากยาปฏิชีวนะ

หากใครที่มีปัญหาฟันเหลือง คุณหมอ มีบทความที่เกี่ยวข้องมาฝากครับ

• ปัญหา ฟันเหลือง กวนใจ รู้สาเหตุ พร้อมวิธีเปลี่ยนฟันให้ขาวสวยได้ อย่างปลอดภัย

• 3 วิธีทำให้ฟันขาว เร็ว ทันใจ กลับมายิ้มได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง !

การฟอกสีฟันช่วยให้ฟันขาวขึ้นได้จริงครับ โดยผลลัพธ์จากการฟอกสีฟันจะอยู่ได้ยาวนานประมาณ 6 เดือน-1 ปี ขึ้นอยู่กับระดับสีที่เป็นอยู่ของฟัน น้ำยาฟอกสีฟัน รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ และการดูแลการรักษาสุขภาพช่องปากของแต่ละบุคคล อย่างการเลือกรับประทานอาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงพฤติกรรมการสูบบุหรี่ ซึ่งจะสามารถรักษาสีฟันให้ขาวได้นานยิ่งขึ้น

นอกจากการฟอกสีฟันที่กล่าวมา การทำวีเนียร์หรือเคลือบฟันขาว ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถแก้ปัญหาฟันมีสีดำ คล้ำ ฟันเหลือง ฟันไม่ขาวสดใสได้เช่นเดียวกันครับ

โดยการทำวีเนียร์หรือเคลือบฟันขาวนี้จะใช้การติดแผ่นเซรามิกที่มีขนาดบางและเล็ก รูปร่างใกล้เคียงกับฟัน ติดไว้บริเวณด้านหน้าของฟัน ซึ่งจะช่วยให้ฟันดูสวย และขาวขึ้นในทันที ที่สำคัญสามารถเลือกระดับความขาวของสีฟันได้ตามต้องการอีกด้วยครับ

คุณหมอ เคยเขียนบทความ วีเนียร์ ไว้ที่นี่ครับ วีเนียร์ คืออะไร ราคาเท่าไหร่ ทำแล้วช่วยอะไรได้บ้าง

ระดับความขาวของฟัน โดยทั่วไปจะขาวขึ้นประมาณ 3-5 เฉดซึ่งจะขาวขึ้นมากน้อยแค่ไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสีเดิมของฟันและปฏิกิริยาตอบสนองของต่อน้ำยาฟอกสีฟันครับ

คุณหมอจะมีแผ่นเฉดสีฟันเปรียบเทียบระดับความขาวของฟันให้ดูก่อนและหลังครับ

1. In-office Power Bleaching การฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ที่คลินิก จะใช้น้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง ร่วมกับ Cool Light LED หรือเลเซอร์ วิธีนี้นิยมมากเพราะปลอดภัย ทุกขั้นตอนอยู่ในความดูแลของทันตแพทย์ ใช้ระยะเวลาไม่นาน และเห็นผลทันทีหลังทำ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพฟันของแต่ละบุคคลด้วยนะครับ
2. At-home Bleaching การฟอกสีฟันที่สามารถทำได้เองที่บ้าน แต่จะต้องมาพบทันตแพทย์ก่อนในครั้งแรกครับเพื่อพิมพ์ปาก ทำถาดฟอกสีฟันฟอกสีฟันเฉพาะบุคคล รับน้ำยาฟอกสีฟันและคำแนะนำในการใช้ ข้อดีคือสะดวกสบาย ราคาถูกว่า แต่ใช้ระเวลานานและต้องมีวินัยหมั่นทำบ่อย ๆ จึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดี
3. In-office assisted Bleaching การฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ ร่วมกับการฟอกสีฟันเองที่บ้าน ใช้ในกรณีที่ฟันมีสีเข้มมาก โดยทันตแพทย์จะฟอกสีฟันให้ที่โรงพยาบาลก่อน และจะมีอุปกรณ์ น้ำยาฟอกสีฟัน ให้นำกลับไปทำต่อเองที่บ้าน
4. Over-the-counter Bleaching การฟอกสีฟันที่สามารถทำได้เอง โดยสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ เช่น แถบฟอกสีฟัน ยาสีฟันช่วยให้ฟันขาว น้ำยาบ้วนปากฟอกฟันขาว ที่มีวางจำหน่ายตามร้านค้าและร้านขายยาทั่วไปครับ
5. Internal Bleaching การฟอกสีฟันเฉพาะซี่ที่ต้องทำโดยทันตแพทย์ เพราะเป็นการฟอกสีฟันที่เปลี่ยนสีเนื่องจากฟันตาย ซึ่งมักมีการเปลี่ยนสีของฟันเฉพาะซี่ ไม่ได้เปลี่ยนสีทั้งปาก

การจะเลือกฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาวแบบไหนดี จะเห็นได้ว่าแต่ละวิธีก็มีความเหมาะสมกับแต่ละสาเหตุ และระดับความเข้มของสีฟันที่แตกต่างกันไปนะครับ ซึ่งทันตแพทย์จะให้คำแนะนำปรึกษา เพื่อให้ได้วิธีที่ดีและเหมาะสมที่สุดกับฟันของแต่ละบุคคลครับ

การฟอกสีฟันที่กำลังนิยมมีด้วยกันหลัก ๆ 3 รูปแบบ

1. การฟอกสีฟันด้วยแสงเย็น Cool light เป็นการใช้แสง LED ฉายลงบนฟันที่ทาน้ำยาฟอกสีฟันเรียบร้อยแล้ว แสงจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของน้ำยาฟอกสีฟัน ให้เม็ดสีหนาทึบของฟันแตกตัว ทำให้ฟันดูขาวกระจ่างขึ้น
2. ฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์ เป็นการใช้แสงเลเซอร์ไดโอดมากระตุ้นให้น้ำยาฟอกสีฟันแตกตัว ช่วยให้แทรกซึมเข้าไปในผิวฟันได้ดีขึ้น ทำให้ขจัดคราบและเม็ดสีบนผิวฟันได้อย่างรวดเร็ว
3. การฟอกสีฟันแบบ Zoom เป็นการใช้พลังงานแสงสีฟ้าชนิดเข้มข้น มากระตุ้นการทำงานของน้ำยาฟอกสีฟัน ทำให้สารในน้ำยาฟอกสีฟันแทรกซึมเข้าสู่ชั้นผิวฟันและกำจัดคราบ หรือเม็ดสีบนเนื้อฟันได้ดีขึ้นโดยไม่ทำลายโครงสร้างของฟัน

โดยทางคลินิกจะใช้การฟอกสีฟันด้วยแสงเย็น Cool light LED ครับ ซึ่งมีข้อดีคือสามารถขจัดคราบฝังลึกบนผิวฟันได้รวดเร็ว ปลอดภัย เห็นผลชัดเจน มีราคาถูกกว่าแบบอื่น และใช้ระยะเวลา 30-45 นาทีเท่านั้น

1. เตรียมผิวฟัน

• ก่อน ฟอกสีฟัน ทันตแพทย์จะวัดระดับสีฟันก่อนการรักษา
• เตรียมผิวฟัน ได้แก่ การขูดหินปูน (ในกรณีที่มีหินปูน) และขัดฟัน
• ใส่ที่กั้นริมฝีปาก และใส่ที่ปกป้องเหงือก

2. ฟอกสีฟัน

ทันตแพทย์จะทำการทาน้ำยาฟอกสีฟัน และใช้เครื่อง Cool light LED โดยใช้เวลาประมาณ  30-45 นาที

หลังจากฟอกสีฟันเรียบร้อยแล้ว ทันตแพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลรักษาฟัน รวมถึงเรื่องของอาหารการกินและเครื่องดื่ม ซึ่งบางประเภทกินได้และบางประเภทกินไม่ได้ในช่วง 48-72 ชั่วโมง เพื่อให้มีฟันขาวสดใสไปนาน ๆ

1. ควรหลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม เช่น กาแฟ น้ำอัดลม ชา ไวน์ เพราะจะทำให้สีฟันค่อย ๆ เข้มขึ้น หากจำเป็นต้องดื่ม ควรบ้วนปากหลังดื่มเสร็จทุกครั้ง
2. งดสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่ทำให้เกิดคราบบนผิวฟัน หากทำความสะอาดได้ไม่ดี จะทำให้ฟันกลับมาเหลืองเร็วกว่าคนที่ไม่สูบบหรี่
3. แปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟัน ทำความสะอาดฟันอย่างถูกต้องและเป็นประจำ จะทำให้เศษอาหารและคราบจากเครื่องดื่มติดบนผิวฟันได้ยาก
4. ตรวจสุขภาพฟันกับทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือน เพื่อสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี

การฟอกสีฟันหรือฟอกฟันขาวอาจไม่ได้ผลเสมอไปครับ และไม่ใช่ทุกคนที่สามารถจะฟอกสีฟันได้ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในภาวะต่อไปนี้

1. หญิงกำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
2. มีอายุน้อยกว่า 16 ปี เพราะโพรงประสาทมีการเจริญเติบโต ทำให้การฟอกฟันมีการระคายเคือง
3. ผู้ที่ปัญหาหรือผู้ป่วยโรคเหงือก
4. ผู้ที่มีปัญหาเสียวฟัน ฟันผุ หรืออุดฟัน ควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนฟอกสีฟัน
5. ผู้ที่มีปัญหาอื่น ๆ ในช่องปาก ควรพบทันตแพทย์ก่อนทำการฟอกสีฟัน

การฟอกสีฟันที่ปลอดภัยและได้ผล ควรทำกับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเท่านั้นครับ เพราะการฟอกสีฟันหรือฟอกฟันขาว ที่หาซื้อตามร้านมาทำเองที่บ้าน อาจมีโอกาสเสี่ยงต่อสุขภาพช่องปาก เช่น การอักเสบ การเสียวฟัน การระคายเคือง ความเสียหายของประสาทฟันได้

รู้ข้อมูลเกี่ยวกับการฟอกสีฟัน ฟอกฟันขาวกันไปแล้ว สำหรับใครที่สนใจ อยากจะฟอกสีฟันเพื่อให้รอยยิ้มกลับมาสดใสและเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง จะเลือกคลินิกฟอกสีฟันที่ไหนดี แนะนำให้เลือกคลินิกทันตกรรมที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตประกอบกิจการอย่างถูกต้อง ทันตแพทย์มีความเชี่ยวชาญ จบจากสถาบันชั้นนำ มีผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และมีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง เพราะนั่นแสดงให้เห็นได้ว่าคลินิกทันตกรรมแห่งนั้นดีจริง จึงเป็นที่นิยมนั่นเองครับ